Au Pair Story: Hämeenlinna, Finland
Wipawan
Saenkla (Noi)
สัญชาติ: Thai
อายุ: 25
ประเทศ: Finland
เมือง: Hämeenlinna
อายุ: 25
ประเทศ: Finland
เมือง: Hämeenlinna
จำนวนเด็ก 1 คน
เล่าให้ฟังหน่อยว่ามาเป็นออแพร์ได้ยังไง?
เริ่มจากการอยากหาประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ต่างประเทศและอยากพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองได้ดีขึ้น
แต่เราไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อคอร์สเรียนภาษาแล้วบินไปเรียนต่างประเทศเหมือนคนอื่นๆเค้า
แล้ววันหนึ่งเปิดเฟสบุ๊คเจอเพื่อนสนิทสมัยมัธยมปลายไปอยู่ประเทศฮอลแลนด์
ก็เลยตัดสินใจถามว่าไปได้ยังไงเธอเลยบอกว่ามาเป็นออแพร์ใช้เงินไม่เยอะอยู่บ้านกับโฮสกินฟรีอยู่ฟรีโฮสจ่ายค่าเรียนภาษาให้
ทำงาน 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หยุดเสาร์-อาทิตย์
พอได้ฟังเท่านั้นแหละตาลุกวาวเลย
หลังจากนั้นเราก็เริ่มศึกษาการเป็นออแพร์มาเรื่อยๆใช้เวลาตัดสินใจเกือบปี แล้วเราก็เริ่มออนไลน์ในเว็บออแพร์เวิลด์
เราออนไลน์เกือบครึ่งปีเพราะเราเลือกโฮสเยอะ ช่วงแรกๆที่ออนไลน์มีโฮสติดต่อมาเยอะมากแต่เราปฏิเสธไปเยอะเพราะเลือกเยอะ
จริงๆแล้วเราไม่ควรเลือกเยอะนะเพราะถ้าเราออนไลน์นานๆเข้า
โฮสจะหาเราไม่เจอเพราะมันจะมีคนใหม่ๆที่อยากจะเป็นออแพร์เข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ
ทำให้เราพลาดโอกาส ตอนแรกๆเราก็ท้อนะแต่ซักพักก็มีโฮสติดต่อเข้ามา โฮสมาท่องเที่ยวที่เมืองไทยแค่
2 วัน และต้องการสัมภาษณ์เราตัวต่อตัว
เราเลยตกลงไปสัมภาษณ์กับโฮส โฮสแม่มากับลูกชาย 2 คน เด็กอายุ
5 ขวบ ตอนที่สัมภาษณ์เราแทบจะไม่พูดอะไรเลย เขาถามมาเราก็ตอบ
แล้วเราก็พรีเซ้นตัวเราแค่ตามที่เราเตรียมตัวไปเท่านั้น แต่เชื่อมั้ย? เขาเลือกเรา
เขารู้ว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษแต่ที่เขาเลือกเราเพราะเขาถูกชะตากับเรา
ของแบบนี้บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วยนะ
บางทีภาษาอังกฤษที่อย่างเริศแต่เขาก็ไม่เลือกเพราะเขาไม่ถูกชะตา
มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
อันดับแรกเริ่มเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็กที่ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์ 300 ชั่วโมง
หลังจากนั้นเราก็เริ่มออนไลน์ในเว็บออแพร์เวิลด์
กรอกประวัติส่วนตัวแล้วก็กรอกเหตุผลว่าทำไมถึงอยากเป็นออแพร์แต่เหตุผลสำคัญที่เราต้องกรอกลงไปคือเรารักเด็กเราชอบใช้เวลาร่วมกับเด็กประมาณนี้เพราะหน้าที่หลักๆของออแพร์คือดูแลเด็ก
แล้วเราก็ต้องโพสรูปภาพที่มีเรากับเด็กอย่างน้อย 3 รูปลงในเว็บไซด์นั้นด้วย
ช่วงระหว่างที่รอแมชโฮสเราก็ไปทำงานที่ kidzania สยามพารากอน
เพื่อฝึกภาษาอังกฤษและฝึกการทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ
และเราก็ได้ชั่วโมงเลี้ยงเด็กเพิ่มด้วย
ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นออแพร์ที่ประเทศฟินแลนด์?
จริงๆแล้วเราอยากหาประสบการณ์ในต่างประเทศจะประเทศไหนก็ได้ในยุโรป แต่ที่เลือกฟินแลนด์เพราะโฮสเลือกเราแล้วเราก็รู้สึกถูกชะตากับโฮส จริงๆแล้วฟินแลนด์เป็นประเทศที่ควรมาซักครั้งหนึ่งในชีวิตเพราะเป็นประเทศที่สะอาด อากาศบริสุทธิ์และน่าอยู่มากๆ ภูมิประเทศสวยงามสุดๆ ที่ประเทศนี้เค้าจะใช้ภาษาฟินนิชเป็นภาษาท้องถิ่น แต่ไม่ต้องกังวลเพราะคนที่นี่ 90% พูดภาษาอังกฤษได้
ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นออแพร์ที่ประเทศฟินแลนด์?
จริงๆแล้วเราอยากหาประสบการณ์ในต่างประเทศจะประเทศไหนก็ได้ในยุโรป แต่ที่เลือกฟินแลนด์เพราะโฮสเลือกเราแล้วเราก็รู้สึกถูกชะตากับโฮส จริงๆแล้วฟินแลนด์เป็นประเทศที่ควรมาซักครั้งหนึ่งในชีวิตเพราะเป็นประเทศที่สะอาด อากาศบริสุทธิ์และน่าอยู่มากๆ ภูมิประเทศสวยงามสุดๆ ที่ประเทศนี้เค้าจะใช้ภาษาฟินนิชเป็นภาษาท้องถิ่น แต่ไม่ต้องกังวลเพราะคนที่นี่ 90% พูดภาษาอังกฤษได้
ข้อมูลคราวๆเกี่ยวกับครอบครัวอุปถัมถ์?
โฮสพ่อเป็นกัปตันของสายการบินฟินแอร์
โฮสแม่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมจากหลายประเทศ(ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ได้ของแบรนด์หลายอย่างจากนางเช่นกัน)
ครอบครัวนี้มีลูกชาย 1 คนอายุ 5 ขวบ บ้านที่อยู่อาศัยเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น(บ้านหรูมากกกกก)
อยู่ห่างจากตัวเมือง 5 กิโลเมตร
และอยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 100 กิโลเมตร
เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกครอบครัว?
เพราะว่าเรารู้สึกว่าโฮสบ้านนี้ใส่ใจเราดีมาก
ถามไถ่พร้อมจะช่วยเหลือทุกอย่าง
เด็กก็เป็นปัจจัยสำคัญเพราะเราคิดว่าบ้านหลังนี้มีเด็กแค่ 1 คน เราก็ไม่ต้องวุ่นวายมาก โฮสก็ใจดีทุกอย่างลงตัว
เลยตัดสินใจเลือกโฮสบ้านนี้ค่ะ
เค้าช่วยเหลืออะไรเราบ้างในการทำเรื่องขอวีซ่า?
เค้าช่วยเหลืออะไรเราบ้างในการทำเรื่องขอวีซ่า?
เค้าก็จะเตรียมข้อมูลให้เราว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้าง
เราจะมีการตกลงกันว่าเค้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรให้เราบ้าง
ที่เค้าจ่ายให้เราคือประกันของโรงพยาบาลที่ฟินแลนด์ตลอด 1 ปีที่เราอยู่ที่นี่ ค่าเรียนภาษาฟินนิชตลอดทั้งปี ค่าคอร์สโยคะ
ค่าบัตรโดยสารในเมืองที่เราอยู่ ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
แล้วก็ค่าของใช้ส่วนตัวตลอดที่เราอยู่ที่นี่
ที่เราต้องรับผิดชอบเองคือค่าตรวจร่างกายและค่าวีซ่า
งานที่รับผิดชอบในช่วงที่เป็นออแพร์?
งานที่รับผิดชอบในช่วงที่เป็นออแพร์?
เราจะรับผิดชอบในส่วนของเด็ก
คือตอนเช้าปลุกเด็กไปเดย์แคร์เตรียมอาหารเช้าให้เด็ก เตรียมเสื้อผ้าให้
แล้วก็ขับรถไปส่งน้อง กลับมาก็ทำงานบ้านเล็กน้อยไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็ว่าง ตอนเย็นก็ไปรับน้อง
ทำอาหารให้น้องทานแล้วก็อยู่เล่นกับน้อง ไม่เกิน 1 ทุ่ม
แม่ก็กลับมาจากทำงาน เราก็จะมีเวลาส่วนตัว
โอกาสในการเรียนและการท่องเที่ยว?
โอกาสในการเรียนและการท่องเที่ยว?
ของเราจะเรียนภาษาฟินนิช 2 วันต่อสัปดาห์ วันละ 1 ชั่วโมง 30 นาที ถ้าเป็นฤดูที่ไม่มีหิมะเราจะปั่นจักรยานไปเรียน
แต่ถ้ามีหิมะโฮสจะไปรับ-ส่ง
โอกาสในการท่องเที่ยวถ้าโฮสไปเที่ยวในกลุ่มประเทศเชงเก้นโฮสจะเอาเราไปด้วย
วีซ่าออแพร์ของเราสามารถท่องเที่ยวได้ในแถบประเทศเชงเก้นเท่านั้น
แต่ครอบครัวเราโฮสเที่ยวบ่อยมาก
เราเลยมีเวลาว่างเยอะได้หยุดเยอะเราก็ได้ไปเที่ยวของเราสบายๆ
แต่ก็ต้องเก็บเงินด้วยและใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเพราะว่าของทุกอย่างในฟินแลนด์จะแพงกว่ากลุ่มประเทศยุโรปกลาง
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับครอบครัวอุปถัมภ์เป็นอย่างไรบ้าง?
ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่น่ารัก
แต่อาจจะติดตรงที่ว่าเราเป็นคนไทยวัฒนธรรมอาจจะต่างกันหลายอย่างก็ต้องใจเย็นๆค่อยๆปรับกันไป
แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าโชคดีมากที่ได้มาอยู่ในครอบครัวนี้ โฮสพ่อชอบทำอาหาร แล้วก็ทำอาหารให้เรากินเกือบทุกมื้อเลย
ครอบครัวนี้ชอบออกกำลังกาย พวกเขาจึงคิดเสมอว่าการเดินไป-กลับในเมืองระยะทาง 10 กิโลเมตร เป็นเรื่องปกติ
โฮสพ่อไปฟิตเนสทุกวัน โฮสแม่ก็ตื่นไปวิ่งทุกเช้า(ขยันออกกำลังกายกันมาก)
ปัญหาที่คุณเผชิญและหนทางการแก้ไข?
ตอนมาอยู่แรกๆด้วยความที่เราไม่ค่อยรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษจึงมีปัญหาในเรื่องของการสื่อสาร
แต่โชคดีที่โฮสใจดีเขาเข้าใจและให้โอกาสเราฝึกฝนทักษะของภาษาพออยู่ไปเรื่อยๆก็เริ่มชินเพราะใช้ศัพท์เดิมๆบ่อยๆ
พอเด็กเริ่มสนิทกับเราเด็กก็เริ่มดื้อเริ่มแผลงฤทธิ์ ปวดหัวมากกก จริงๆการมีเด็กคนเดียวก็เป็นปัญหานะ
เพราะถ้าเขาไม่มีเพื่อนเล่นเค้าก็อยากจะเล่นกับเราตลอดเวลา
ตรงนี้ก็ทำให้เรารู้สึกไม่มีเวลาส่วนตัว บางครั้งก็อึดอัด
แต่จริงๆก็สงสารเด็กเพราะพ่อแม่เขาทำงานเยอะไม่ค่อยมีเวลาให้
บางครั้งเด็กก็ก้าวร้าว เราก็ต้องใจเย็นๆค่อยๆสอนเค้าเพราะเค้าก็มีแค่เราที่มีเวลาให้เค้า
ในเรื่องของการเดินทางไปเรียนในช่วงเทอมแรกโฮสก็ไปรับ-ส่งตลอด พอเปิดเทอมสองมาเราก็ต้องไปเองกลับเองเพราะโฮสไม่มีเวลา
แต่เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเราเพราะพวกเขาบอกว่าจะให้บัตรรถบัสกับเราแต่เมื่อมาถึงที่ฟินแลนด์เขาก็บอกว่าเราสามารถใช้รถของเขาได้ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรรถบัส
แต่เอาเข้าจริงๆเขาก็จำเป็นต้องใช้รถ ผิดที่เราที่ไม่เรียกร้องเองตั้งแต่แรก
เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเองค่ารถไป-กลับก็ประมาณ 7 ยูโร ตกเดือนหนึ่งก็เยอะอยู่นะ
แต่เราโชคดีเจอพี่คนไทยที่เรียนในห้องเดียวกันเขาอาสามาส่งเราตลอด
เพราะเขาสงสารที่เราต้องเดินจากโรงเรียนประมาณ 1 กิโลเมตรเพื่อไปที่ป้ายรถเมล์
และค่าโดยสารก็ไม่ใช่ถูกๆ เงินที่ได้ต่อเดือนก็ไม่เยอะ นี่แหละน้ำใจคนไทย
สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยก็คือเรื่องของน้ำใจนี่แหละ
บนเรียนที่ได้เรียนรู้และที่จะประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจโครงการคนอื่นมีอะไรบ้าง?
บนเรียนที่ได้เรียนรู้และที่จะประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจโครงการคนอื่นมีอะไรบ้าง?
1.
ทำให้เรามีความอดทนมากขึ้นเพราะอยู่กับคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและเราอยู่ต่างประเทศไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเราได้ตลอด
เราก็ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด
2. ทำให้เรารู้จักแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าและทำให้เรามีความกล้าที่จะพูดที่จะถาม
เป็นการเรียนรู้การเอาตัวรอดในชีวิตประจำวัน
ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้ในวันข้างหน้าเราก็สามารถที่จะอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกนี้
3.
ไม่ใช่แค่คนมีเงินเยอะเท่านั้นที่จะมาหาประสบการณ์ในต่างประเทศได้
คนเงินน้อยอย่างเราก็มาได้ ถ้ามีความพยายามที่จะมา
แต่ในเมื่อได้มาแล้วเราก็ต้องรับผิดชอบงานของเราให้ดีที่สุด
4. ต้องกล้าที่จะพูดหรือถาม
เพราะชาวต่างชาติเขาจะไม่คาดเดาจิตใจของใครทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นมีอะไรต้องพูดกันตรงๆ
โดยส่วนตัวแล้วคุณคิดว่าออแพร์ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
โดยส่วนตัวแล้วคุณคิดว่าออแพร์ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
การเป็นออแพร์จริงๆแล้วไม่ต้องมีอะไรมาก
แค่ต้องรักเด็กและดูแลเด็กให้ดี รับผิดชอบในหน้าที่ที่ควรทำ
คุณจะแนะนำโครงการออแพร์ให้กับพี่ๆน้องที่สนใจไหม ทำไม?
คุณจะแนะนำโครงการออแพร์ให้กับพี่ๆน้องที่สนใจไหม ทำไม?
เป็นโครงการที่น่าสนใจนะคะเพราะว่าเราสามารถมีประสบการณ์ชีวิตในต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องเสียเงินเยอะ
ไม่ต้องทำงานหนัก ใช้ชีวิตเหมือนมาพักผ่อนและทำงานด้วย
ถ้าหากใครอยากมีประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างประเทศหน่อยขอแนะนำโครงการออแพร์เลยค่ะ
Comments
Post a Comment