Au Pair Story: Berlin, Germany
ธิดารัตน์ ขุนวิลัย
สัญชาติ: ไทย
อายุ 25 ปี
ประเทศ เยอรมันนี
เมือง เบอร์ลิน
จำนวนเด็ก 1 คน
เล่าให้ฟังหน่อยว่ามาเป็นออแพร์ได้ยังไง?
ก่อนอื่นอยากเรียนต่อแต่ว่าขั้นตอนมันช่างยากเหลือเกินถ้าไปจากไทยโดยตรงและก็ชอบเที่ยวมากๆค่ะ
เลยเริ่มจากโครงการออแพร์นี่แหละค่ะ
เพราะเราจะได้เตรียมตัวเรื่องการเรียนภาษาและวัฒนธรรมว่าเราเข้ากับวัฒนธรรมการเป็นอยู่ของที่นั่นได้ไหม
เริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนค่ะ พอจบโครงการเราก็สามารถสอบเข้ามหาลัยได้เลย
หรือจะทำอย่างอื่นก็ได้ โครงการออแพร์ถือเป็นโครงการที่ดีโครงการหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับคนที่อยากมาหาประสบการณ์ในต่างแดน
มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
หาข้อมูลเกี่ยวกับออแพร์ก่อนว่าออแพร์คืออะไร สอบถามเพื่อนๆ และรุ่นพี่ที่เคยไปโครงการนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง การหาโฮสต์และการเตรียมพร้อมเรื่องภาษาเพราะเยอรมันทางสถานทูตขอใบ Zertifikat a1 ประกอบการขอวีซ่า แล้วก็ฃศึษาว่าแอแพร์มีข้อดีข้อเสียอย่างไรและประโยชน์จากโครงการนี้ว่าคุ้มค่ากับประสบการณ์ที่จะได้รับไหมกับการไปดูแลเด็กในต่างแดน
มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
หาข้อมูลเกี่ยวกับออแพร์ก่อนว่าออแพร์คืออะไร สอบถามเพื่อนๆ และรุ่นพี่ที่เคยไปโครงการนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง การหาโฮสต์และการเตรียมพร้อมเรื่องภาษาเพราะเยอรมันทางสถานทูตขอใบ Zertifikat a1 ประกอบการขอวีซ่า แล้วก็ฃศึษาว่าแอแพร์มีข้อดีข้อเสียอย่างไรและประโยชน์จากโครงการนี้ว่าคุ้มค่ากับประสบการณ์ที่จะได้รับไหมกับการไปดูแลเด็กในต่างแดน
ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นออแพร์ที่ประเทศเยอรมันนี?
จุดเริ่มต้นคือ อยากเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศเยอรมันและทำงานที่นั่น
เพราะชอบการเรียนภาษาเยอรมันและหลงไหลวัฒนธรรมนี้มาก ชอบการใช้ชีวิตนั่น
คุณภาพชีวิตและภูมิประเทศน่าอยู่มากๆ ส่วนตัวเคยไปเยอรมันมาแล้ว 2-3 ครั้งก่อนเริ่มโครงการออแพร์แล้วอยากไปอยู่ที่นั่น
เลยเลือกที่จะเริ่มจากสิ่งง่ายๆ คือการไปเป็นออแพร์ก่อนแล้วค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียนต่อและทำงานที่นั่น
ข้อมูลคราวๆเกี่ยวกับครอบครัวอุปถัมถ์?
เกี่ยวกับครอบทั้งพ่อและแม่เป็นเยอรมันแท้
คุณพ่อทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ส่วนคุณแม่เป็นจิวเวอรี่ดีไซนเนอร์ ทั้งคู่ยังเด็กอยู่เลยค่ะ
และเป็นคู่ที่คูลและใจดีเลยค่ะ ส่วนลูกสาวอายุ 3 เดือนตอนที่พึ่งไปถึง 23.01.2017 น้องน่ารักมากค่ะ
เป็นเด็กอารมณ์ดีบางเวลา ส่วนเรื่องการสื่อสารกับเด็กคงยังสื่อสารไม่ได้เพราะน้องยังเล็ก
ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันเพื่อการสื่อสาร
เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกครอบครัว?
ที่เลือกครอบครัวนี้เพราะน้องอายุยังน้อย
ประสบการณ์เลี้ยงเด็กที่มีส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กที่แล้ว ส่วนตัวมีประสบการณ์เลี้ยงเด็กทารกน้อยมาก
อยากลองหาประสบการณ์ด้านนี้ให้มากขึ้น
โฮสต์แม่จะเป็นคนสอนทุกอย่างนั้นว่าต้องดูแลน้องยังไง
แล้วครอบครัวนี้ยังวัยรุ่นเลยอยู่กันแบบเพื่อนพี่น้องมากกว่าผู้ปกครองแบบพ่อแม่
เค้าช่วยเหลืออะไรเราบ้างในการทำเรื่องขอวีซ่า?
เขาก็ช่วยเตรียมเอกสารให้บ้างว่าต้องใช้อะไร
หรือเอกสารจากทางครอบครัว เช่น พวกสัญญา บัตรประจำตัวโฮสต์ ทะเบียนบ้าน และอื่นๆ
งานที่รับผิดชอบในช่วงที่เป็นออแพร์?
งานที่รับผิดชอบช่วงแรกๆ
ตอนน้องอายุ 3 เดือน
งานที่ทำก็จะมีชงนมให้น้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำบ้าง
ส่วนมากแม่น้องเป็นคนอาบให้น้อง พาเข้านอนแล้วก็เล่นกับน้องช่วงที่น้องตื่น
อ่านหนังสือให้น้องฟังก่อนนอนและระหว่างวัน และก็งานบ้านเล็กๆ น้อยๆ
เพราะที่บ้านมีแม่บ้าน แต่พอน้องอายุย่าง 8 เดือนน้องเริ่มเดินได้ ก็จะพาน้องไปหัดเดินข้างนอก พอน้องอายุ
1 ปี น้องต้องเข้าโรงเรียนก็ต้องเตรียมอาหารให้น้องตอนเช้าบางครั้งแล้วก็ตอนเที่ยงและตอนเย็น
พาน้องไปส่งที่โรงเรียนส่วนมากแม่เป็นคนทำ ส่วนเราต้องไปรับน้องทุกครั้ง
พากลับมาบ้าน พาน้องเข้านอนพอน้องตื่นกลางวันก็เล่นกับน้องต่อจนพ่อแม่เลิกงาน
ส่วนบางวันจะต้องเบบี้ซิสตอนกลางคืนเพราะพ่อแม่จะออกงานตอนกลางคืนบ่อย
โอกาสในการเรียนและการท่องเที่ยว?
โอกาสในการเรียนและการท่องเที่ยว?
โอกาสในการเรียนมีเยอะมาก
ทำงานตั้งแต่ 8โมงเช้า ถึงประมาณ 3-4 โมงเย็น
พอเลิกงานก็ไปโรงเรียนต่อเลยแบบเรียนทุกวัน เลิกเรียนก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่าซึ่งโรงเรียนไม่ได้ไกลจากบ้านจึงเดินได้
ขอเสียคือค่าเรียนแพงมากซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับพ็อคเก็ตมันนี่ของออแพร์เลย
ค่าเรียนของเรา 300 euro ต่อเดือน
โฮสต์จะช่วยแค่ 50 euro ตามกฎ
ที่เหลือออกเอง
เรียนแบบนี้อยู่ครึ่งปีจนจบแล้วก็พักเรียนยาวและเริ่มหาที่เรียนต่อปริญญาโทหรือจะทำงานต่อก็ได้
ส่วนการท่องเที่ยวนี่เที่ยวเยอะมากค่ะ
ส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้วเพราะทำงาน จันทร์ถึงศุกร์
บางสัปดาห์ไม่ต้องทำวันพุธหมายความว่าทำงานแค่ 4 วัน ส่วนเสาร์อาทิตย์จะออกเที่ยวตามเมืองต่างๆ
ในประเทศเยอรมันให้ครบค่ะ อันนี้เรียกว่าเป้าหมายเลยก็ว่าได้ หรือบางสัปดาห์ก็ออกไปเที่ยวประเทศใกล้เคียงค่ะ
และก็วันหยุดยาวก็เริ่มทัวร์ยาวค่ะ ส่วนตัวเก็บเกือบครบทุกประเทศในยุโรปแล้วค่ะ
รู้สึกมีความสุขมากๆที่ความพยายามใกล้จะสำเร็จแล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับครอบครัวอุปถัมภ์เป็นอย่างไรบ้าง?
ความสัมพันธ์ค่อยข้างดีค่ะ
เพราะเขาจะให้ความเป็นส่วนตัวแก่เรามากๆ
ไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวแต่จะคอยถามไถ่ว่าเราเป็นยังไงบ้างมากกว่า
คือให้อิสระเต็มที่
ปัญหาที่คุณเผชิญและหนทางการแก้ไข?
ปัญหาที่เคยเผชิญคือไปถึงสัปดาห์แรกคือน้องร้องไห้ตลอดแบบร้องไม่หยุด
ขนาดพ่อแม่ยังควบคุมไม่ได้ อย่าคิดว่าออแพร์อย่างเราจะทำได้
นั่นแหละปัญหาใหญ่ซึ่งไม่ได้เกิดจากออแพร์
เลยโดนเอเจนซี่ทางนุ่นบ่นว่าไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กอ่อนแล้วมาทำไม
แต่เราได้คุยกับทางครอบครัวอุปถัมภ์แล้วว่าเขาจะสอนงานให้เราเลยตกลงแมชกัน
แล้วเราต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ก็ต้องทำใจ แต่ไม่เป็นไรสู้ต่ออีกหน่อย
พอจบเรื่องเด็กเรามาเจอเรื่องอีกคือไม่เล่าเรื่องส่วนตัวให้ครอบครัวฟังเรื่องแฟน
ครอบครัวเราบอกเอเจนซี่ว่าเราโกหกเลยโดนไปอีกกระทง
แล้วก็มีเรื่องกับเอเจนซี่ทางเยอรมันอีกว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะมาเยอรมันแต่มีจุดหมายอย่างอื่น
ก็เลยโดนเอเจนซี่ทางนั้นด่ายาวแบบงงๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
ด่านต่อไปหลังจากนั้นการแก้ปัญหาน้องร้องไห้ไม่หยุดไม่ได้
โฮสต์มาคุยเรื่องรีแมชกับเราเพราะเขาคิดว่าเราคอนโทรลไม่ได้
แต่บอกไม่ใช่ความผิดเรา งงไหม เราไม่มีปัญหาเรื่องรีแมช ตอนนั้นอยู่สัปดาห์ที่ 2 ก็หาครอบครัวมาเรื่อยๆ
โฮสต์ก็ช่วยหาครอบครัว จนได้มาคุยกับ 3 ครอบครัว ครอบครัวแรกไม่โอเคเลยในทุกๆ เรื่อง
ครอบครัวที่สองดีมาก เก็บไว้ในใจเลยทุกอย่างเข้ากันได้หมด และครอบครัวสุดท้ายก็โอเคแต่เขาให้เราไปอยู่ข้างนอกไม่ให้อยู่รวมกับคนในบ้านเลยไม่โอเค
แล้วก็ครอบครัวจากเอเจนซี่ที่พี่เอมหาให้ในเยอรมัน ต้องขอบคุณพี่เอมมากๆและ svenja (เอเจนซี่ในเยอรมัน)ที่คอยช่วยเหลือตลอด
เวลาผ่านมาหนึ่งเดือนครึ่งระหว่างหาครอบครัวใหม่ แต่เราก็ยังทำงานให้ครอบครัวนี้ปกติไม่ได้ย้ายออกจากบ้าน
จนวันสุดท้ายที่เราจะยกเลิกสัญญาเราคิดทุกวันว่ามั่นใจแล้วว่าจะเลือกครอบครัวที่สอง
เพราะครอบครัวนี้ถูกใจที่สุดเขาเข้าใจวัฒธรรรมไทย
โดยเฉพาะโฮสต์แม่ทำอาหารไทยอร่อยมากแล้วลูกสาวก็น่ารักมากๆ เลยคิดว่าคิดไม่ผิดแน่ๆ
ที่เลือกครอบครัวนี้ พอวันสุดท้ายกำลังจะยกเลิกสัญญา
โฮสต์แม่เรียกไปคุยว่าไม่อยากให้รีแมชอยากให้ทำงานด้วยจนหมดสัญญา
ประมาณว่าขอร้องเหตุผลคือเราสามารถทำให้เด็กหยุดร้องได้และเด็กก็ติดเรายิ่งกว่าแม่ของเด็กอีก
ความรู้สึกตอนนั้นภูมิใจมากและก็ได้อยู่บ้านนี้ต่อ ที่ต่อไม่ใช้เพราะพ่อแม่เด็กขอร้องแต่เพราะเรารักเด็กคนนี้ไปแล้วทั้งใจ
เลยต้องไปบอกครอบครัวนั้นว่าจะอยู่ครอบครัวนี้ต่อ
หนักใจเหมือนกันแต่เขาก็เข้าใจเรา แต่เรายังติดต่อกับครอบครัวนี้อยู่นะ
แบบไปทำอาหารด้วยกัน และอีกปัญหาคือ
พักหลังๆ เราได้ทำงานล่วงเวลาเยอะมาก เยอะแบบเกินไปเยอะ
ที่เกินคือโฮสต์จ่ายล่วงเวลาให้นะไม่ใช่ไม่จ่าย แต่บางทีเราต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง
บนเรียนที่ได้เรียนรู้และที่จะประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจโครงการคนอื่นมีอะไรบ้าง?
บอกเป็นเรื่องๆ นะคะ
-เรื่องสัญญาควรอ่านสัญญาให้ละเอียดและค่อยตกลง เช่น
เราจะได้รับอะไรบ้าง หรือเราสามารถขออะไรเพิ่มเติมจากโฮสต์ได้ เช่น
เยอรมันต้องออกตั๋วเครื่องบินเอง แต่ส่วนตัวเราขอให้เขาออกให้ครึ่งหนึ่งคือขาไป
ขากลับเราออกเอง เป็นต้น บางคนไม่ตกลงอะไรเลย สรุปได้ออกเอง
ยกตัวอย่างกรณีของเพื่อนจ่ายเองทั้งหมด
-เรื่องตารางงานค่ะ ให้ตกลงให้ดีว่าทำงานวันไหน เวลาไหน
หยุดวันไหนบ้าง จะได้ไม่โดนเอาเปรียบเช่นเคยค่ะ เพราะบางบ้านจะ flexible มากจนเรียกได้ว่าเอาเปรียบ
บ้านเราก็ flexible นะแบบไม่มีตารางงานเลย
บอกวันต่อวันบางทีเตรียมตัวไม่ทัน ไม่รู้จะต้องทำอะไร คืองงนั่นแหละ หรือทำงานล่วงเวลาควรจะคุยกับโฮสต์เรื่องปัญหานี้
-เรื่องเมืองที่อยากจะมาค่ะ สำคัญมากถ้าคุณชอบเที่ยว
ช็อปปิ้งหรือปาร์ตี้หรือขี้เหงาควรเลือกเมืองใหญ่ในเมืองจะดีกว่า
เพราะยุโรปอย่างที่รู้กันห้างปิดสองทุ่ม
วันอาทิตย์ปิดแบบนี้ไม่ควรเลือกเมืองเล็กในหุบเขานะคะ
ส่วนตัวชอบแบบที่กล่าวมาเลยเลือกเบอร์ลิน เมืองหลวงและใหญ่
การคมนาคมสะดวกมากทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า และอื่นๆ แต่สำหรับคนที่ชอบประหยัดก็ควรอยู่เมืองในป่าไปเลยจะดีมากค่ะ
เพราะที่รู้ๆกัน ว่าเงินของออแพร์ในเยอรมันนั้นคือต่ำที่สุดในออแพร์บนโลกใบนี้ค่ะ
-เรื่องการคุยงาน เอกสารต่างๆ วันหยุด ในการทำงานควรทำอะไรให้มันเป็นรูปธรรมค่ะ
แบบเช่น เวลาเขาให้เราทำอะไรหรือทำงานอะไรก็แล้วแต่ควรมีหลักฐานจดไว้
ส่วนเราโดนมาคือเขาชอบเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เราเลยใช้วิธีการจดและสกรีนช็อตไว้หรืออัดเสียง
เพราะเราเคยโดนเรื่องขอวันหยุดแล้วเขาให้มาแล้วแต่พอถามซ้ำอีกเขาบอกไม่ได้พูด
แต่เราได้โชว์หลักฐานที่มี เขาก็เถียงเราไม่ได้ค่ะ
-ส่วนการใช้ชีวิตที่นั่นเรื่องการคมนาคมนะ
โดนกับตัวเรื่องการซื้อตั๋วรถไฟ รถเมล์ ควรอ่านเงื่อนไขให้ดีๆนะคะ
จะได้ไม่โดนเหมือนเรา เราโดนปรับสองครั้ง 120 euro เพราะซื้อตั๋วผิดคิดว่าเงื่อนไขเหมือนกับรลเมล์เลยโดนไปเต็มๆ
-การออกเงินให้โฮสต์ก่อน
อันนี้สำคัญไม่แนะนำให้ออกก่อนเพราะประสบการณ์ตรง
ออกเงินก่อนแล้วจะได้ช้าทำให้เราไม่มีเงินใช้ นั่นแหละ
เราควรเบิกเงินล่วงหน้าจะดีกว่าออกเงินก่อน เพื่อความปลอดภัย
-อื่นๆ ก็จะมีพวกค่าอาหาร ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง
ควรคุยกับโฮศต์ว่าเขาสามารถจ่ายให้เราได้ไหม
ตอนแรกโฮสต์เราบอกว่าจะจ่ายค่าเดินทางให้คือค่ารถเมล์
ค่าโทรศัพท์และค่าอาหารให้เรา แต่จ่ายแค่ค่ารถเมล์ให้เราแค่ประมาณ
หนึ่งเดือนก็เลิกจ่าย คือจ่ายแค่ค่าโทรศัพท์เดือนละ 15 euro และค่าอาหาร เดือนละ 80 euro เพราะเราซื้อรายสัปดาห์ประมาณ 20 euro ต่อสัปดาห์
โดยส่วนตัวแล้วคุณคิดว่าออแพร์ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
มีความรับผิดชอบสูงโดยเฉพาะเด็กเล็ก
มีความอดทนและมีใจรักในงานที่ทำค่ะ
คุณจะแนะนำโครงการออแพร์ให้กับพี่ๆน้องที่สนใจไหม ทำไม?
คุณจะแนะนำโครงการออแพร์ให้กับพี่ๆน้องที่สนใจไหม ทำไม?
เล่าประสบการณ์ให้ฟังและบอกต่อให้สำหรับคนที่สนใจจะไปทำออแพร์ในเยอรมันนีค่ะ
Comments
Post a Comment